การดูแลรถช่วงหน้าฝน
เมื่อหน้าฝนมาเยือนจะส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราทันที ไม่ว่าการจราจรติดขัด การเดินทางลำบาก อีกสิ่งที่เราไม่ควรละเลยคือ การขับรถด้วยความระมัดระวังเพราะนอกจากถนนจะลื่นแล้ว วิสัยทัศน์ในการมองจะลดลง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงและความเสียหายที่เกิดขึ้นมาอาจจะประมาณค่าไม่ได้
และ ช่วงหน้าฝนก็ยังมีความเสี่ยงจะเสียหายสูงขึ้นมาอีก เพื่อป้องกันความเสียหายดังกล่าว โรงเรียนสอนขับรถแทนรัฐไดร์ฟวิ่ง พระรามสอง จึงแนะนำวิธีการดูแลรถที่คุณรักดังนี้
> เช็คไดสตาร์ท โดยให้ทดลองสตาร์ทรถ หากระบบสตาร์ททำงานช้าลง นั่นหมายความว่าน้ำฝนมีส่วนทำให้เกิดปัญหา และหากปล่อยไว้อาการจะค่อยๆหนักขึ้น การแก้ไขให้ถอยไดร์ฟสตาร์ทมาทำความสะอาด
> ตรวจระบบเบรก หากพบว่าเมื่อเบรคแล้ว รถไถลไปด้านหน้า หรือไถลไปซ้ายขวา ต้องรีบตรวจเช็คโดยด่วนเนื่องจากระบบเบรกเมื่อโดนนำ้ท่วมขังผ้าเบรคจะลื่นหรือผ้าเบรกผิดขัด อาการแบบนี้เวลาเบรคจะลื่นไถล หากเบรคแรงจะทำให้รถสะบัดหรือหมุน ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
> ตรวจเช็คยางรถยนต์ ในกรฌีที่ยางรถยนต์อายุเกิน 3 ปี สภาพยางรถจะเสื่อม ไม่มีความยืดหยุ่นในการยึดเกาะถนน ดังนั้นถ้าเบรคแรงๆจะทำให้รถลื่นไถล ดังนั้นเราควรตรวจอายุยาง และดอกยางด้วยหากดอกยางบางไปคือน้อยกว่า 2.5 ม.ม.ให้เปลี่ยนยางใหม่ เพราะยางรถยนต์จะไม่เกาะถนนและไม่สามารถรีดน้ำได้
> ตรวจเช็คระบบที่ปัดน้ำฝน ตรวจความพร้อมว่าที่ปัดน้ำฝนยังใช้งรนได้หรือไม่ ถ้าปัดแล้วไม่เรียบหรือเป็นคลื่น รวมถึงมีเสียงดังแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ เพื่อความปลอดภัยเมื่อขับรถตอนฝนตกหนัก และที่สำคัญอย่าลืมตรวจว่าในกระบอกฉีดด้วยว่ายังมีน้ำอยู่หรือไม่
> ตรวจเช็คถังน้ำมัน ตรวจเช็คว่ามีน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปหรือไม่ หากมีน้ำเข้าไปในระบบจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายหนักมาก
> ตรวจเช็คยางขอบประตู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วซึมของน้ำฝนเข้ามาในรถ ควรตรวจสอบว่ายางยังมีความยืดหยุ่นไหม หากยางแข็งแสดงว่าหมดสภาพการใช้งานแล้ว
> ตรวจเช็คที่กรองอากาศ หากขับรถฝ่าฝนตกหนักหรือลุยน้ำท่วมมา แนะนำให้ตรวจเช็คว่ามีสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่